เกร็ดความรู้
วัคซีน
วัคซีน (Vaccine) คือ สารที่เตรียมขึ้นจากเชื้อโรคหรือส่วนของเชื้อโรค
ซึ่งนำเข้าสู่ร่างกาย แล้วจะทำหน้าที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน
เปรียบเสมือนเครื่องป้องกันร่างกาย ที่จำเพาะต่อเชื้อโรคชนิดนั้นๆ
วัคซีนแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ วัคซีนพื้นฐาน และ วัคซีนเสริม
โดยวัคซีนพื้นฐานเป็นวัคซีนที่จำเป็นต่อเด็กทุกคน ซึ่งต้องได้รับให้
ครบอย่างถูกต้อง ส่วนวัคซีนเสริมเป็นวัคซีนที่เด็กสามารถได้รับ
เพิ่มเติมนอกเหนือจากการป้องกันโรคของวัคซีนพื้นฐาน โดยเฉพาะ
เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับเชื้อโรค
ก็ควรฉีดเพื่อป้องกันไว้
การให้วัคซีนเป็นวิธีการสร้างเสริมสุขภาพ
ให้แข็งแรงที่มีความคุ้มค่ากว่า เมื่อต้องทำการรักษา
หลังจากติดเชื้อหรือเป็นโรคไปแล้ว
วัคซีนพื้นฐาน
วัคซีนบีซีจี ป้องกันวัณโรค (BCG)
วัคซีนบีซีจีเป็นวัคซีนที่ฉีดให้แก่เด็กทารกแรกเกิดเพื่อป้องกันโรควัณโรค ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ทำให้ปอดอักเสบ อีกทั้งยังก่อให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ และผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายที่สุด ก็คือเด็กวัยแรกเกิด ถึง 5 ปี
วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี (HB)
วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบีเป็นวัคซีนที่ฉีดให้แก่เด็กทารกแรกเกิด และเด็กอายุ 1 เดือน เพื่อป้องกันโรคตับอักเสบบี เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย โดยสัมผัสกับเลือด ผลิตภัณฑ์ของเลือด น้ำคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ที่เป็นพาหะ* ผู้ที่เป็นพาหะมีโอกาสเป็นโรคตับอักเสบชนิดเรื้อรังและโรคตับแข็งได้ และถ้าหากการติดเชื้อและเป็นพาหะมาตั้งแต่วัยเด็กจะมีโอกาสเกิดเป็นโรคมะเร็งตับได้มากกว่าผู้ที่ไม่มีเชื้อหลายเท่า (* ผู้ที่เป็นพาหะ คือ ผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่ แต่ไม่แสดงอาการของโรค ซึ่งสามารถแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ และผู้อื่นได้)
วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ชนิดหยอด (OPV)
วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอเป็นวัคซีนชนิดหยอด ซึ่งให้แก่เด็กอายุ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน เพื่อป้องกันโรคโปลิโอ เพราะเชื้อไวรัสโปลิโอจะ ทำให้มีการอักเสบของไขสันหลัง และมีอัมพาตของกล้ามเนื้อแขนขา ซึ่งในรายที่อาการรุนแรงจะทำให้มีความพิการตลอดชีวิต และบางรายอาจถึงเสียชีวิต
วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์ (DTP)
วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์ เป็นวัคซีนที่ฉีดให้แก่เด็กอายุ 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือน เพื่อป้องกันโรคคอตีบ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดฝ้าขาวที่คอ หากติดเชื้อรุนแรงอาจทำให้เกิดหัวใจวายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ส่วนโรคบาดทะยักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้ง่ายและกระจายอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม เมื่อได้รับเชื้อจะไม่สามารถรักษาได้ โดยจะเกิดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ กลืนอาหารไม่ได้ และทำให้เสียชีวิตในที่สุด ส่วนโรคไอกรน เด็กที่เป็นโรคนี้จะไอมากจนรับประทานทานอาหารไม่ได้อาจเกิดโรคปอดบวมและเสียชีวิตได้
วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี ชนิดเชื้อตาย (JE)
วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี ชนิดเชื้อตาย เป็นวัคซีนที่ฉีดให้แก่เด็กอายุ 12-15 เดือน และ 2 ปี เพื่อป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสนี้ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ มีเพียงส่วนน้อยที่จะป่วยและมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ซึม และชัก โรคนี้ไม่มียารักษาเฉพาะ ผู้ป่วยมักมีความพิการทางสมองและมีอัตราการเสียชีวิตสูง
วัคซีนป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR)
วัคซีนป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม เป็นวัคซีนที่ฉีดให้แก่เด็กอายุ 9 เดือน และ 5-6 ปี เพื่อป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่พบบ่อยในเด็ก ติดต่อได้ง่าย เด็กที่ติดเชื้ออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้แก่ ปอดอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ และที่รุนแรงถึงเสียชีวิตคือ สมองอักเสบ
รายการรับวัคซีนของเด็กแต่ละช่วงวัย
อายุ | วัคซีนพื้นฐาน | วัคซีนเสริม | อาการเทรกซ้อน | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|
แรกเกิด |
o BCG |
|
|
ถ้ามารดาเป็นพาหะของตับอักเสบบี ควรให้วัคซีนเร็วที่สุด |
1 เดือน |
o ตับอักเสบบี เข็มที่ 2 |
|
|
อาจให้ได้เมื่ออายุ 2 เดือน |
2 เดือน |
o DTP เข็มที่ 1 |
o เยื่อหุ้มสมองอักเสบบี เข็มที่ 1 |
หลังให้วัคซีน DTP อาจมีไข้ได้ 1-2 วัน |
อาจมีการให้วัคซีนเยื่อหุ้มสมองอักเสบบีรวมกับวัคซีน DTP เป็นเข็มเดียว |
4 เดือน |
o DTP เข็มที่ 2 |
o เยื่อหุ้มสมองอักเสบบี เข็มที่ 2 |
หลังให้วัคซีน DTP อาจมีไข้ได้ 1-2 วัน |
อาจมีการให้วัคซีนเยื่อหุ้มสมองอักเสบบีรวมกับวัคซีน DTP เป็นเข็มเดียว |
6 เดือน |
o DTP เข็มที่ 3 o OPV หยดครั้งที่ 3 |
o เยื่อหุ้มสมองอักเสบบี เข็มที่ 3 o นิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกตเข็มที่ 3 (IPD) |
หลังให้วัคซีน DTP อาจมีไข้ได้ 1-2 วัน |
อาจมีการให้วัคซีนเยื่อหุ้มสมองอักเสบบีรวมกับวัคซีน DTP เป็นเข็มเดียว |
9 เดือน |
o MMR เข็มที่ 1 |
|
หลังฉีด MMR 5-7 วัน อาจมีไข้ มีผื่น 1-2 วัน |
ไม่ควรให้วัคซีน MMR ในเด็กที่แพ้ไข่ |
12-15 เดือน |
o JE เข็มที่ 1 และ 2 |
o นิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกตเข็มที่ 4 (IPD) |
|
JE ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1-4 สัปดาห์ |
18 เดือน |
o DTP เข็มกระตุ้นที่ 1 |
|
หลังให้วัคซีน DTP อาจมีไข้ได้ 1-2 วัน |
|
2 ปี |
o JE เข็มที่ 3 |
|
|
|
3 ปี |
|
o ตับอักเสบเอเข็มที่ 1 และ 2 |
|
- อาจให้เมื่ออายุ 4-6 ปี |
4 ปี |
o DTP เข็มกระตุ้นที่ 2 |
|
หลังให้วัคซีน DTP อาจมีไข้ได้ 1-2 วัน |
|
5-6 ปี |
o MMR เข็มที่ 2 |
|
หลังฉีด MMR 5-7 วัน อาจมีไข้ มีผื่น 1-2 วัน |
ไม่ควรให้วัคซีน MMR ในเด็กที่แพ้ไข่ |
6-10 ปี |
|
o ไทฟอยด์ |
|
- ไม่แนะนำในเด็กไทย |
10-12 ปี |
|
o อีสุกอีใส |
|
- สำหรับคนที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน |
หมายเหตุ : วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนเสริม ที่สามารถฉีดในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป แต่สำหรับในเด็กอายุน้อยกว่า 9 ปี ควรฉีดครั้งแรก 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน เด็กอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ให้ฉีดครั้งแรกเข็มเดียว หลังจากนั้นจะมีการฉีดซ้ำทุกปี ปีละหนึ่งเข็ม
Click เพื่อดาวน์โหลดรายการรับวัคซีนของเด็กแต่ละช่วงวัย
ข้อควรระวังเกี่ยวกับวัคซีน
• หากแพ้วัคซีน หรือส่วนประกอบของวัคซีน ควรหลีกเลี่ยงการให้วัคซีนนั้น ส่วนผู้ที่แพ้ไข่รุนแรงควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนการรับวัคซีน เนื่องจากวัคซีนบางชนิดมส่วนประกอบของไข่ เช่น วัคซีน คางทูม วัคซีนไข้หวัดใหญ่
• หากมีไข้สูง ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน
• ห้ามให้วัคซีนที่มีส่วนผสมของวัคซีนไอกรน ในกรณีที่มีอาการทางสมอง (encephalopathy) รวมถึงในกรณีของเด็กที่มีโรคประจำตัวทางระบบประสาทที่ควบคุมอาการของโรคยังไม่ได้
• หากเพิ่งได้รับเลือด หรือผลิตภัณฑ์ของเลือด ไม่ควรให้วัคซีนโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน บีซีจี และโปลิโอ เพราะอาจไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่ดี
• วัคซีนโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน บีซีจี และโปลิโอ ไม่ควรให้ในหญิงมีครรภ์ เพราะเชื้ออาจผ่านทางรกไปสู่เด็กทำให้ติดเชื้อได้
• ผู้หญิงที่ได้รับวัคซีนหัดเยอรมัน หรือวัคซีนเชื้อเป็นชนิดอื่น ควรคุมกำเนิดหลังได้รับวัคซีนนาน 1 เดือน เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
• ทารกคลอดก่อนกำหนด สามารถรับวัคซีนได้ตามปกติ ยกเว้นกรณีที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,000 กรัม ควรให้วัคซีนตับอักเสบบีซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 1 เดือน
• การให้วัคซีนในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจได้ผลไม่ดี และควรหลีกเลี่ยงวัคซีน เพราะอาจเกิดอาการข้างเคียงรุนแรง
• ผู้ที่ได้รับยาสเตียรอยด์ (steroid) เป็นเวลานาน ไม่ควรให้วัคซีนจนกว่าจะหยุดยาไป 1 เดือน
เอกสารอ้างอิง
- กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ, อังกูร เกิดพาณิช. คู่มือการใช้วัคซีนสำหรับเด็กไทย 2545. ชมรมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย. ครั้งที่ 1. เนติกุลการพิมพ์ (2541) จำกัด: กรุงเทพ, 2545
- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. วัคซีน [Online]. [cited in 15 May 2013]. Available from: URL:http://biop.pharm.su.ac.th/vaccine.
- มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน. วัคซีนพื้นฐาน [Online]. [cited in 15 May 2013]. Available from: URL:http://www.welovevaccines.com/basic-vaccine.php.
- สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2556. ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทยปกติ [Online]. [cited in 15 May 2013]. Available from: URL:http://www.biogenetech.co.th/healtheducation/ตารางการให้วัคซีน.
- โรงพยาบาลเด็ก สมิติเวช ศรีนครินทร์. การให้ฉีดวัคซีนในเด็ก [Online]. [cited in 15 May 2013]. Available from: URL:http://www.youtube.com/watch?v=Ln1ni5tx20I.